วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556



สารพัดวิธีรักษาสิวเสี้ยน

สารพัดวิธีรักษาสิวเสี้ยน


1. น้ำผึ้งกับโฟมล้างหน้า
นำน้ำผึ้งผสมกับโฟมล้างหน้า  มาขัดบริเวณที่มีสิวเสี้ยน  น้ำผึ้งช่วยรักษาสิวเสี้ยนได้

2. น้ำผึ้ง
นำน้ำผึ้งมาทาบริเวณที่มีสิวเสี้ยนประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด  น้ำผึ้งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในการขจัดปัญหาสิวเสี้ยน

3. ดินสอพองผสมน้ำมะนาว
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวมัน  รูขุมขนกว้าง  ให้นำดินสอผองมาบดให้ละเอียด  ผสมน้ำมะนาวลงไป  จากนั้นก็คนส่วนผสมให้เข้ากันจนกลายเป็นเนื้อครีม  ให้นำดินสอผองผสมน้ำมะนาวมาทาทั่วใบหน้าหรือจะแต้มแค่หัวสิวก็ได้  ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีจากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

4. ผงไข่มุก
นำผงไข่มุกมาผสมกับน้ำเปล่าให้มีลักษณะเหมือนครีม  จากนั้นให้นำมาทาตรงบริเวณที่มีสิวเสี้ยน  รอประมาณ 10-15 นาที  จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด  ทำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

5. เกลือ
นำเกลือละเอียดมาถูบริเวณที่มีสิวเสี้ยน  หรือจะนำมาผสมกับนมหรือโยเกิร์ตก็ได้  นำมาถูอย่างเบามือบริเวณที่มีสิวเสี้ยน  ประมาณ 10-15 นาที

6. ไข่ขาว
นำไข่ขาวมาผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมะนาวคนให้เข้ากัน  จากนั้นก็ล้างหน้าให้สะอาด  เช็ดให้แห้ง  จากนั้นนำส่วนผสมดังกล่าวมาทาบริเวณที่มีสิวเสี้ยน  แล้วนำกระดาษซับมันมาแปะลงไป ใช้นิ้วมือกดเบาๆ ให้กระดาษซับมันกระชับผิว  จากนั้นก็รอจนกว่าไข่ขาวจะแห้งสนิท  หรือจนกว่าจะรู้สึกว่าหน้าตึงมากๆ ต่อไปก็ให้ใช้มือค่อยๆ ลอกกระดาษซับมันออกจากล่างขึ้นบน  สิวเสี้ยนจะติดออกมากับกระดาษซับมัน  จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดเพื่อกระชับรูขุมขน  ให้ทำสัปดาห์ละครั้ง

7. น้ำมะนาว
ล้างหน้าให้สะอาด  เช็ดหน้าให้แห้ง  จากนั้นให้ทาน้ำมะนาวบริเวณที่มีสิวเสี้ยนทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก  ให้ล้างออกตอนตื่นนอนตอนเช้า  ทำวันละ 2-3 ครั้ง  

8. ดื่มน้ำมะนาว
บีบน้ำมะนาว 1 ผลลงในแก้ว  จากนั้นให้เติมน้ำเปล่าจะเป็นน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นก็ได้เพิ่มไปอีกให้เต็มแก้ว  เสร็จแล้วให้ดื่มน้ำมะนาวที่ผสมนี้  จะดื่มทีเดียวให้หมดทั้งแก้ว หรือจะใช้ดื่มทั้งวันจิบทีละน้อยก็ได้


บทความที่เกี่ยวข้อง : 


วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556



เคล็ดลับถนอมสายตา

เคล็ดลับถนอมสายตา


เคล็ดลับการถนอมสายตาเป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวัน วันละหลายๆ ชั่วโมง  บทความนี้ได้รวบรวมวิธีการถนอมสายตามาไว้ในบทความเดียว

เคล็ดลับข้อที่ 1 : ใช้มือครอบดวงตา
ทำได้โดยการโค้งอุุ้งมือทั้งสองครอบดวงตา  ระวังอย่าให้มือกดทับดวงตา  เอามือครอบดวงตาไว้ประมาณ  10  นาที

เคล็ดลับข้อที่ 2 : กวาดสายตา
การกวาดสายตา คือ การมองแบบไม่ต้องจ้องที่ใดที่หนึ่ง  ให้กวาดสายตาไปที่สิ่งที่อยู่ไกล ๆ ทางนู้นบ้างทางนี้บ้าง ทำให้ตาเราผ่อนคลาย  ให้กวาดตาไปซ้ายขวา  มองขึ้นบนและล่าง

เคล็ดลับข้อที่ 3 : กระพริบตา
การกระพริบตา 1-2 ครั้ง  ทุกๆ 10 วินาที  ช่วยให้แก้วตาสะอาดและมีน้ำหล่อเลี้ยง  โดยเฉพาะคนที่สวมแว่นหรือคอนแท็กเลนส์

เคล็ดลับข้อที่ 4 : การใช้สายตาโฟกัสภาพใกล้และไกล
เหยียดแขนซ้ายออกไป ตั้งนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นเพื่อเป็นจุดโฟกัส ขณะเดียวกัน ตั้งนิ้วชี้มือขวาให้ห่างจากใบหน้าสัก 3 นิ้ว ( โฟกัสภาพที่แต่ละนิ้วสลับกันไปมา ให้ทำบ่อยๆ

เคล็ดลับข้อที่ 5 : ชโลมดวงตา
ขณะตื่นนอนทุุุกเช้าให้ใช้มือวักน้ำชโลมดวงตาด้วยน้ำอุ่น  สัก 20 ครั้ง  สลับกับการวักน้ำเย็นชโลมดวงตาอีก 20 ครั้ง  จะทำให้เลือดหมนเวียนมาเลี้ยงดวงตาดีขึ้น  น้ำเย็นจะช่วยให้กล้ามเนื้อตาและหนังตาไม่หย่อนยาน  ก่อนเข้านอนให้วักน้ำชโลมดวงตาอีกครั้ง  แต่คราวนี้ชโลมด้วยน้ำเย็นก่อนแล้วตามด้วยน้ำอุ่น  จะทำให้ตาผ่อนคลาย

เคล็ดลับข้อที่ 6 : ขยับร่างกาย
แกว่งตัวไปมาจากซ้ายไปขวา ถ่ายน้ำหนักตัวบนขาแต่ละข้างสลับไปมา สายตามองไปไกลๆ แต่ไม่ต้องจ้อง ปล่อยให้จุดที่เรามองแกว่งไปมาซ้ายขวาตามการแกว่งตัว ท่านี้จะทำให้ดวงตาได้พักและมีการปรับตัวดีขึ้น ทำบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาสเปิดเพลงคลอไปด้วยก็ได้

เคล็ดลับข้อที่ 7 :  เลือกจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำ
เลือกจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำเพื่อถนอมสายตา  วิธีทดสอบแบบง่ายๆ  ทำโดยการปิดสวิตช์ภาพ  แล้วเอาหรือแขนไปจ่อไว้ไกล้ๆ  จอภาพให้มากที่สุด  ซึ่งจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำจะแทบไม่รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตตามขนที่บริเวณผิวเลย

เคล็ดลับข้อที่ 8 : ปรับแสงและความคมชัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา
ปรับแสงและความคมชัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา รวมทั้งความสว่างภายในห้องด้วย  เพราะหากทำงานกับคอมพิวเตอร์ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้า  และจอภาพมีความสว่างมาก  ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อดวงตาได้

เคล็ดลับข้อที่ 9 : ใช้ผ้าซุปน้ำหมาดๆ  วางไว้บนเปลือกตา
ใช้ผ้าซุปน้ำหมาดๆ  วางไว้บนเปลือกตา  และหลับตาสัก 2-3 นาที  หรือจะให้ดีกว่านั้น  ปิดไฟ  นอนพะสักครู่  เพื่อเป็นการซาร์ตพลังงายให้กลับสายตามาแข็งแรงอีกครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556



เคล็ดลับฟันขาว

เคล็ดลับฟันขาว



สาเหตุของฟันเหลือง
สาเหตุที่ทำให้เกิดฟันเหลืองมักเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละท่านเสมอ  เป็นสาเหตุที่ใกล้ตัวแบบนึกไม่ถึง เช่น  การแปรงฟันไม่ถูกวิธี  การดื่มชา  การดื่มกาแฟ การดื่มน้ำอัดลม เป็นต้น

เคล็ดลับฟันขาว
1. ใช้ยาสีฟันสูตรไวท์เทนนิ่ง
ยาสีฟันสูตรไวท์เทนนิ่งจะมีมีสารช่วยขจัดคราบฟันเหลืองได้เป็นอย่างดี  ยาสีฟันสตรไวท์เทนนิ่งจะช่วยลดการก่อตัวของรอยคราบที่เกิดขึ้นใหม่

2. แปรงฟันหลังทานอาหารทุกครั้ง
การแปรงฟันหลังทานอาหารเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้  เพราะการแปรงผันหลังทานอาหารนั้นเป็นด่านแรกที่จะช่วยป้องกันฟันเหลืองได้เป็นอย่างดี   เพราะหลังจากที่เราทานอาหารจะมีเศษอาหารตกค้างตามซอกฟัน  ซึ่งยิ่งทิ้งไว้นานก็จะกลายเป็นคราบสะสมตามซอกฟัน  ซึ่งทำให้เกิดฟันเหลืองในที่สุด

3. ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟัน
หาซื้อผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันมาใช้เอง  หาได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป

4. น้ำยาบ้วนปากสูตรฟันขาว
น้ำยาบ้วนปากสูตรฟันขาวจะคล้ายกับยาสีฟันสูตรไวท์เทนนิ่งเพราะมีส่วนผสมที่ช่วยขจัดคราบหินปูน  

5. ขูดหินปูน
การขูดหินปูนช่วยขจัดคราบเม็ดสีเข้ม คราบอาหาร หินปูนที่ติดอยู่บนตามฟัน  การขูดหินปูนช่วยให้ฟันดูขาวขึ้น

6. ฟันขาวด้วยสูตรธรรมชาติ
ผลไม้และสมุนไพรใกล้ตัวสามารถขจัดคราบฟันเหลืองได้  เช่น เกลือ  มะนาว  ใบข่อย  เบคกิ้งโซดา  สตอเบอรี่  นำมาแปรงสดๆ ขัดฟันสดๆ หรือผสมกับยาสีฟันแล้วแปรงทุกวัน  ทำอย่างสม่ำเสมอจะเห็นผลภายในหกเดือน

7. แผ่นฟอกฟันขาว
เป็นแผ่นที่มีน้ำยาเจลฟอกฟันอยู่ด้านใน  ลอกมาแปะที่ฟัน ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที  ทำวันละครั้ง  

8. ฉายแสงฟันขาว
การทำให้ฟันขาว โดยการฉายแสงจะมีความนุ่มนวล  

9. เคลือบฟันเทียม
วิธีนี้จะทำให้ฟันขาวถาวร  แค่บนผิวหน้าของฟันด้านนอกเท่านั้น  นิยมทำแค่ฟันด้านหน้า  ต้องเลือกเฉดสีที่เคลือบฟันให้เข้ากับสีฟันของเราด้วย  ไม่ควรเลือกสีที่ทำให้ขาวเวอร์จนเกินไป

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556



เคล็ดลับขจัดสิวเสี้ยนอุดตันที่จมูก

เคล็ดลับขจัดสิวเสี้ยนอุดตันที่จมูก


1. ไข่ขาว
ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น  จากนั้นนำไข่ขาวมาทาบางๆ ที่จมูกตรงที่มีสิวเสี้ยนอยู่  จากนั้นนำหน้าไปอังกับไอน้ำร้อน  จากนั้นก็รอให้ไข่ขาวแห้ง  พอไข่ขาวแห้งเสร็จแล้วก็ลองไข่ขาวออก  จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจัด  เพื่อกระชับรูขุมขน

2.ไข่ขาวกับทิชชู่
ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด  จากนั้นนำไข่ขาวมาทาที่จมูก  จากนั้นก็นำทิซซู่ที่เนื้อเนียนๆ ไม่หยาบมาแปะหน้า  ประมาณว่าแพ็คทั้งหน้า  ทิ้งไว้สักครู่ไม่ควรทิ้งไว้นานเกินไป  เอาแค่พอรู้สึกว่าหน้าตึง  จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเป็นอันจบ  ควรทำอาทิตย์ละครั้ง

3.ไข่ขาวกับกระดาษซับมัน
ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด เช็ดให้แห้ง  เอาไข่ขาวมาทาบริเวณจมูก  จากนั้นนำกระดาษซับมันมาแปะให้ทั่วบริเวณที่ทาไข่ขาวไปแล้ว  รอให้แห้ง  เมื่อแห้งแล้ว  ให้ดึงกระดาษซับมันที่แห้งย้อนขึ้นจากด้านล่างขึ้นด้านบน จากนั้นก็ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น

4. สครับ
ใช้สครับขัดหน้าทุกวัน  สครับแบบเบาๆ มือ ไม่ควรทำรุนแรง แล้วสิวเสี้ยนก็จะหายไปเอง

5. กาวตราช้าง
บางคนอาจจะงงว่ากาวตราช้างมันใช้กับหน้าได้ด้วยหรอ   อันนี้ต้องพิสูจน์กันเอง

6. น้ำผึ้ง
ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด  นำน้ำผึ้งมาทาตรงจุดที่มีสิวเสี้ยน  ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที  จากนั้นให้ใช้นิ้วมือนวดเบาๆ  แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด  ทำเป็นประจำหน้าจะหายเป็นสิวเสี้ยน

7. แผ่นลอกสิวเสี้ยน
นำแผ่นลอกสิวเสี้ยนมาแปะตรงจุดที่มีสิวเสี้ยน ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที  แล้วจึงค่อยๆ ดึงออก  สิวเสี้ยนจะหลุดออกมกับแผ่นลอกสิวเสี้ยน

8. กรดผลไม้
กรดผลไม้พบได้ในน้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว  ให้นำกรดผลไม้มาทาบริเวณที่มีสิวเสี้ยนวันละ 1-2 ครั้ง

9.  มันฝรั่งดิบ
นำมันฝรั่งดิบมาบดให้ละเอียด  จะนำไปบด  ปั่น หรือสับอันนี้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ถนัดเลือกได้ตามใจ  จากนั้นก็เอามาทาบริเวณที่มีสิวเสี้ยน  จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

เคล็ดลับขจัดสิวเสี้ยนอุดตันที่จมูก


วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556



เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้าของคุณ

ขั้นตอนที่ 1 : พิจารณาว่า คุณมีใบหน้ารูปทรงใด
ปกติใบหน้าของคนเราจะมีหลากหลายรูปทรง เช่น รูปหน้าไข่ สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม  รูปเพชร  สีเหลี่ยมผืนผ้า  สี่เหลี่ยมจตุรัส ทรงกลม  และรูปหน้าทรงหัวใจ  ทั้งนี้พิจารณาหน้าตัวเองให้ถูกต้องด้วย ถ้าไม่มั่นใจว่ามีใบหน้ารูปทรงใด  ให้สะกิดถามคนข้างๆ 

ขั้นตอนที่ 2 : ตัดสินใจว่า คุณมีใบหน้ารูปทรงใด


ใบหน้ารูปไข่



เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้าของคุณ
ใบหน้ารูปไข่

รายละเอียด : คนที่มีใบหน้ารูปไข่ถือว่าเป็นรูปหน้าที่ใครๆ ใฝ่ฝันอยากมีใบหน้ารูปไข่  เพราะว่าตัดผมทรงอะไรก็เข้ากับหน้าไปซะทุกทรง เป็นรูปหน้าที่พบมากที่สุด ตำแหน่งต่างๆบนใบหน้ามีระยะห่างที่ได้สัดส่วน คือ ระยะห่างจากโคนผมถึงคิ้ว คิ้วถึงปลายจมูก และปลายจมูกถึงคางเท่ากัน  และนี่คือรูปหน้าที่สวยที่สุด
ดาราชื่อดังที่มีใบหน้ารูปไข่ : เจสสิก้า อัลบา , อีวา เมนเดส  
ทรงผมที่เหมาะสมกับรูปหน้า : ทรงผมทุกทรงเหมาะกับคนที่มีใบหน้ารูปไข่  ไม่ว่าจะเป็นผมสั้น  ผมยาว  ผมซอย  หรือกระทั่งทำลอน  ถือว่าคนที่มีใบหน้ารูปไข่ได้เปรียบที่สุด


ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า


เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้าของคุณ
ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า

รายละเอียด : รูปหน้า ของคุณมีลักษณะคล้ายกับรูปไข่ แต่มีความยาวมากขึ้น จากหน้าผากและคาง 
ดาราชื่อดังที่มีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า : แอสลี่ กรีน, เทรี่ แฮสเซอร์, ฮิลลารี่ สแวง
ทรงผมที่เหมาะสมกับรูปหน้า : คุณควรเลือกทรงผมที่ทำให้ใบหน้าของคุณดูกว้างขึ้น  หลีกเลี่ยงทรงผมบ๊อบ  ห้ามตัดทรงผมที่ทำให้ใบหน้าของคุณดูแข็งทื่อ  ไร้ชีวิตชีวา



ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม

เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้าของคุณ
ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม

รายละเอียด : รูปหน้าของคุณจะดูยาวกว่ากว้าง  ความกว้างบริเวณหน้าผากและขากรรไกรเท่ากัน  ใบหน้าของคนที่มีรูปทรงหน้าสี่เหลี่ยมนั้นเป็นโครงสร้างใบหน้าที่ดูแข็ง
ดาราชื่อดังที่มีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม: เดมี่ มัวร์, แมนดี้ มัวร์
ทรงผมที่เหมาะสมกับรูปหน้า : ควรเลือกทรงผมที่ทำให้ใบหน้าของคุณดูอ่อนลง  ไม่แข็งทื่อ  ทรงผมที่ควรเลือกตัดก็คือ ทรงผมบ๊อบ  หรือไว้ยาวดัดลอน ผมหยิก ไว้ยาวสไลด์บาง หลีกเลี่ยงการตัดทรงผมที่ดูแข็งทื่อ หน้าม้า



ใบหน้ารูปเพชร

เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้าของคุณ
ใบหน้ารูปเพชร

รายละเอียด : หน้าผากและคางเป็นจุดที่แคบที่สุดของใบหน้า  ในขณะที่โหนกแก้มเห็นเด่นชัดมากที่สุด นี่คือจุดเด่นชัดของใบหน้ารูปเพชร 
ดาราชื่อดังที่มีใบหน้ารูปเพชร : นิโคล คิดแมน,รีอานน่า, สกาเล็ต โจฮานสัน
ทรงผมที่เหมาะสมกับรูปหน้า : ไม่ควรไว้ผมสั้น หรือตัดสั้นเหนือคอ  ทรงผมที่แนะนำคือผมบ๊อบยาว หรือไว้ยาวเลยคอคือได้หมด



ใบหน้ารูปวงกลม

เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้าของคุณ
ใบหน้ารูปวงกลม

รายละเอียด : คนที่มีรูปหน้าทรงกลมนั้น  ใบหน้าของคุณจะกว้างกว่าคนอื่นๆ บริเวณแก้มจะกว้าง ความกว้างและความยาวบนใบหน้าเกือบที่จะเท่ากัน 
ดาราชื่อดังที่มีใบหน้าทรงกลม : ดรู แบรี่มอร์, เคลลี่ คลาคสัน,คริสเทน ดันส
ทรงผมที่เหมาะสมกับรูปหน้า : ควรไว้ผมยาว  เพื่อปกปิดใบหน้ากลมๆ ของคุณ  ให้เรียวขึ้นมา  ไม่ควรไว้ผมสั้นหน้าม้า



ใบหน้ารูปหัวใจ


เลือกทรงผมให้เข้ากับใบหน้าของคุณ
ใบหน้ารูปหัวใจ

รายละเอียด : จะมีลักษณะหน้าผากกว้าง และบริเวณแนวไรผมจะเป็นรูปหัวใจ  รูปหน้าจะค่อยๆเรียวลงจนถึงคาง จึงดูคางเล็กและแหลม
ดาราชื่อดังที่มีใบหน้ารูปหัวใจ : เจนนิเฟอร์ เลิฟ ฮีวิท, รีส วิเธอสพูน, เคที่ โฮมส
ทรงผมที่เหมาะสมกับรูปหน้า : ทรงผมที่เปิดหน้าที่สด  เพื่อชูจุดเด่นของใบหน้าคือโหนกแก้มและคาง  ทรงผมที่เหมาะที่สุด ได้แก่ ทรงผมบ๊อบปลายเรียว  ไม่ใช่บ๊อบแข็งทื่อ 


ขั้นตอนที่ 3 :  เลือกหาแบบทรงผมที่เข้ากับใบหน้า
เลือกหาแบบทรงผมที่เข้ากับใบหน้า เช่น  ค้นหาทางอินเตอร์เน็ต  ตามนิตยสาร  หรือหาทรงผมดาราที่มีใบหน้าเหมือนเราเอาไว้ไปเป็นแบบให้ช่างตัดผมบรรเลงให้

ขั้นตอนที่ 4 : เอาแบบที่หามาได้ให้ช่างตัดผม
นำแบบทรงผมที่ต้องการมาให้ช่างตัดผมให้ตามแบบ







เคล็ดลับวิธีดูแลผิวพรรณด้วยวิธีง่าย ๆ 
สำหรับทุกสภาพผิว

 เคล็ดลับวิธีดูแลผิวพรรณด้วยวิธีง่าย ๆ สำหรับทุกสภาพผิว
 เคล็ดลับวิธีดูแลผิวพรรณด้วยวิธีง่าย ๆ สำหรับทุกสภาพผิว


1.  ป้องกันผิวจากแสงแดด
ครีมกันแดด  เป็นวิธีที่ป้องกันผิวจากแสงแดดที่ปกติที่สุดของคนสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น หรือวัยทำงาน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 15-30 ในการทาครีมกันแดดแต่ละครั้ง  ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว หรือใครก็ตามที่ไปเที่ยวเมืองนอกที่มีหิมะ  ก็ยังควรต้องใช้ครีมกันแดดอยู่  เพราะแสงแดดจะสะท้อนจากหิมะมาสู่ผิวของคุณ  ถ้าคุณไม่ชอบความยุ่งยากในการทาครีมกันแดด พร้อมกับทามอยซ์เจอไรเซอร์  คุณก็ควรเลือกครีมกันแดดที่ผสมมอยซ์เจอไรเซอร์ด้วยเลย สะดวกดี

2.  ทำความสะอาดใบหน้า
ควรทำความสะอาดใบหน้า อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง  อาจจะเป็นตอนเช้า และตอนก่อนนอน  ก่อนนอนหน้าของคุณควรปราศจากเครื่องสำอางต่างๆ ที่สุด  ผิวหน้าจะได้คืนสภาพ  และไม่ควรทำความสะอาดใบหน้าบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้ง

3.  มาร์กหรือสครับหน้า
อย่างน้อยทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง อย่าทำบ่อยเกินไป แทนที่จะบำรุงผิวให้ดีขึ้น กลับจะทำให้ผิวแย่ลง

4. เปลี่ยนการใช้ชีวิตที่ทำให้ร่างกายโทรมลง
เลิกบุหรี่ สำหรับคนที่ชอบสูบบุหรี่เป็นชีวิตจิตใจ  หรือยาสูบต่างๆ ที่เป็นสารเสพติด ไม่เว้นกระทั่งแอลกอฮอล์ทั้งหลาย  กินอาหารที่มีประโยชน์ที่ประกอบไปด้วยผัก และผลไม้  ใช้ชีวิตให้มีความสุข ไม่เครียดจนเกินไป  หันมานั่งสมาธิให้จิตใจสงบ



เคล็ดลับดูแลผิวพรรณ

เคล็ดลับดูแลผิวพรรณ
เคล็ดลับดูแลผิวพรรณ

1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสรุนแรงหรือหลีกเลี่ยงการทาเครื่องสำอางหนาๆ 
 หลีกเลี่ยงการสัมผัสรุนแรงหรือหลีกเลี่ยงการทาเครื่องสำอางหนาๆ ในบริเวณที่ผิวบอบบาง เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร

2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวตนเองด้วยความรุุนแรง 
การสัมผัสผิวตนเองด้วยความรุุนแรง  เช่น การเกาผิว  การขัดผิวที่แรงไป เป็นต้น 

3.ล้างหน้าด้วยสวนผสมของน้ำตาลทรายและนม
ล้างหน้าของคุณด้วยสวนผสมของน้ำตาลทรายและนมเพียงไม่กี่หยด  ผสมกันจนเหมือนเนื้อโคลน  จากนั้นก็นำมาล้างหน้า  จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและไขมันส่วนเกินออกจากผิวของคุณ  ผิวคุณจะเรียบเนียนและรู้สึกสดชื่น

4. วิตามินที่จำเป็นสำหรับสุขภาพผิวที่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิตามินเอ  บี และซี ส่วนวิตามินอีจะช่วยปรับปรุงผิว

5. ซักปลอกหมอน
ซักปลอกหมอนของคุณบ่อยๆ  และหลีกเลี่ยงการใส่ผลิตภัณฑ์สำหรับผมต่าง ๆ ไปนอนด้วย เช่น เยล  สเปรย์  มูส เป็นต้น  การรวมตัวของผลิตภัณฑ์เหล่านี้กับเชื้อโรคบนปลอกหมอนจะทำให้หน้าของคุณที่สัมผัสกับปลอกหมอนเกิดสิวได้

6. ดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
คุณต้องแน่ใจว่าในแต่ละวัน  คุณได้ดื่มน้ำมากพอ  กับความต้องการน้ำของร่างกาย  การดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้วตามสูตรมาตรฐาน  จะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้น  ไม่แห้ง  แตกกร้าน

7. อาบน้ำด้วยสบู่อ่อน
การมีสุขอนามัยที่ดีทำให้ผิวดูสะอาดสะอ้าน  การปฏิบัติทางด้านสุขอนามัยที่ดีได้แก่  การอาบน้ำด้วยสบู่อ่อน  เพื่อลดจำนวนเชื้อจุลินทรีย์บนผิว

8. ทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
ควรทำความสะอาดมือถือ  และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ในชีวิตประจำวันของคุณต้องใช้  และคุณต้องสัมผัส

9. ล้างเครื่องสำอางให้หมดก่อนเข้านอน

ควรล้างเครื่องสำอางให้หมด และแน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกตกค้าง  ก่อนเข้านอน  หรือถ้าไม่จำเป็นอยูู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่ควรแต่งหน้าเลยยิ่งดี



เคล็ดลับมือนุ่มน่าสัมผัส

เคล็ดลับมือนุ่มน่าสัมผัส
เคล็ดลับมือนุ่มน่าสัมผัส


เคล็ดลับมือนุุ่มน่าสัมผัสสำหรับทุกเพศทุกวัย  การมีมือนุ่มน่าสัมผัสจะมีประโยชน์มากๆ ก็ตอนเมื่อมีใครสักคนมาจับมือ  ถ้าเป็นสาวๆ วันที่จะเห็นความสำคัญของการมืมือนุ่มน่าสัมผัสคงจะเป็นวันแต่งงาน จุดเด่นของวันแต่งงานคือ  ตอนสวมแหวนแต่งงาน แล้วเจ้าบ่าวก้มลงจูบมือเจ้าสาว  แอดมินเคยสังเกตุดาราผู้หญิงที่แต่งงานไปตามสื่อต่างๆ  เวลาดาราแต่งงานนักข่าวมักจะชอบถ่ายภาพตอนเจ้าบ่าวสวมแหวนแต่งงานให้เจ้าสาว  ส่วนมากเท่าที่แอดมินสังเกตุดาราสาวสวยเกือบส่วนใหญ่หน้าสวย ชุดสวย แต่มาตกม้าตายตรงมือเหี่ยว ผิวแห้งกร้าน ซึ่งมันดูขัดกับหน้าตาเจ้าของมือ  ดังนั้นวันนี้ได้มีไอเดียในการนำเคล็ดลับต่างๆ มากมาย  เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ดูแลมือของตัวเองให้นุ่มน่าสัมผัสกัน

1. สูตรน้ำตาล เบบี้ออยล์ และสบู่เหลว
เตรียมน้ำตาล  เบบี้ออยล์  และสบู่เหลวอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ  นำน้ำตาลและเบบี้ออยล์มาผสมกัน  จากนั้นก็นำมาถูมือ ประมาณ 5 นาที  เมื่อครบตามเวลาให้ใช้สบู่เหลาวล้างมืออีกรอบให้สะอาด 

2. น้ำตาล น้ำมะนาว และครีมสด
นำน้ำตาล  น้ำมะนาว  และครีมสดอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ  มาผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นนำส่วนผสมดังกล่าวมานวดฝ่ามือไปเรื่อยๆ  จนน้ำตาลละลายจนหมด  จากนั้นก็ใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดตามปกติ


3. นมสด และโยเกิร์ต
นำนมสดอุ่นๆ  ครึ่งถ้วยผสมกับน้ำตาลและโบเกิร์ตอย่างละ 2 ช้อน  จากนั้นนำน้ำมันกลิ่นลาเวนเดอร์ 2 -3 หยดให้เข้ากัน ขั้นตอนต่อไปให้แช่มือในส่วนผสมประมาณ 10 นาที  พร้อมนวดมือไปด้วย ครบเวลาให้นำน้ำอุ่นมาล้างออกให้สะอาด

4. เกลือ และมะนาว
นำเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะนาว 2 ช้อนชาให้เข้ากัน  จากนั้นนำมาถูมือเบาๆ หรือใช้แปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วขัดเบาๆ  เพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป  ควรทำอาทิตย์ละครั้ง

5. เกลือและน้ำมันมะกอก
นำเกลือเทใส่ฝ่ามือด้านหนึ่ง  และน้ำมันมะกอกใส่มืออีกด้านหนึ่งแล้วถูมือประมาณ 10 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้สะอาด  จากนั้นให้สวมถุงมือผ้าฝ้ายเพื่อเก็บความชุ้มช้น  จะใส่ถุงมือไว้ตลอดคืนเลยก็ได้

7. น้ำมันมะพร้าวและน้ำมะนาว
นำน้ำมะนาว 1 ลูกมาผสมกับน้ำตาลครึ่งถ้วย  จากนั้นนำน้ำมันมะพร้าวมาผสมเข้าด้วยกันอีกที  ถ้ามีน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์หรือคาโมมายล์ก็สามารถหยดเพิ่มกลิ่นเข้าไปในส่วนผสมได้  เมื่อผสมส่วนผสมต่างๆ เสร็จแล้ว ให้นำมาขัดมือให้ทั่วเป็นเวลา 5 นาที  จากนั้นเช็ดน้ำตาลออกให้หมด  แต่ระวังอย่าเช็ดส่วนผสมที่เป็นน้ำมันออกไป  ขั้นตอนต่อไปให้สวมถุงมือที่ทำจากผ้าฝ้ายเอาไว้ตามแต่ต้องการ


เคล็ดลับมือนุ่มน่าสัมผัส
เคล็ดลับมือนุ่มน่าสัมผัส




วิธีดูแลมือและเล็บให้มีสุขภาพดี

วิธีดูแลมือและเล็บให้มีสุขภาพดี
วิธีดูแลมือและเล็บให้มีสุขภาพดี




ขั้นตอนที่ 1 รวบรวมอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดูแลมือและเล็บของเพื่อนๆ เท่าที่เพื่อนๆ คิดออก  เช่น ครีมสำหรับทามือ  ครีมสำหรับทาเล็บมือ  ตะไบ  น้ำยาล้างเล็บ  สำลี  ผ้าเช็คมือ  กรรไกรตัดเล็บ และน้ำมะนาว

ขั้นตอนที่ 2 นำสำลีไปชุปกับน้ำยาล้างเล็บเอาพอหมาดๆ นำมาถูที่เล็บมือ เพื่อขจัดสิ่งสกปรก หรือสีทาเล็บให้สะอาด  แต่ถ้าเล็บมือใครไม่มีสิ่งสกปรกหรือสีทาเล็บ ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย

ขั้นตอนที่ 3 นำกะละมังเล็กๆ หรือชามใหญ่ๆ  มาใส่น้ำอุ่นผสมด้วยสบู่  จากนั้นก็นำมือและเล็บมือของเพื่อนๆ แช่ลงในกะลังมังดังกล่าว  ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

ขั้นตอนที่ 4 เมื่อทำตามขั้นตอนที่ 4 เสร็จแล้ว  ให้น้ำผ้าเช็ดมือมาเช็ดมือและเล็บมือ  ค่อยๆ เช็ด  ไม่ควรใช้ความรุนแรง  เช็ดให้หมดจด  เช็ดตรงซอกเล็บด้วย

ขั้นตอนที่ 5 หลังจากที่เช็ดเสร็จแล้ว  ให้นำกรรไกรตัดเล็บมาตัดเล็บความยาวตามที่เราต้องการ  เพื่อนๆ ควรตัดเล็บให้เป็นรูปวงรี

ขั้นตอนที่ 6 แช่เล็บมือในน้ำมะนาวที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรก  แช่ประมาณ 5 นาที  วิธีดังกล่าวนี้จะทำให้เล็บมือของเพื่อนๆ มีสุขภาพที่ดี

ขั้นตอนที่ 7 นำโลชั่นที่เตรียมไว้มาทามือและเล็บมือของคุุณให้ทั่ว  จากนั้นนำเสื้อกันหนาวมาคลุมมือของเพื่อนๆ ไว้ ประมาณ 7 นาที  วิธีการนี้จะทำให้มือนุ่ม

ขั้นตอนที่ 8 เมื่อครบ 7 นาทีแล้ว  ให้เพื่อนๆ ใช้ตะไบตกแต่งเล็บตามต้องการ  เป็นอันเสร็จกระบวนการ


ข้อควรระวัง :
1.ไม่ควรตัดเล็บให้สั้นมากจนเกินไป  เพราะจะทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อโรค

2. ก่อนจะนำมือและเล็บมือของเพื่อนๆ แช่น้ำมะนาว  กรุณาตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่า  มือของคุณไม่มีแผลใดๆ เพราะถ้านำมือที่มีแผลไปแช่น้ำมะนาว  เพื่อนๆ จะทรมาณมากๆ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วย






เคล็ดลับหน้าใสไร้สิว

เคล็ดลับหน้าใสไร้สิว
เคล็ดลับหน้าใสไร้สิว


ด้วยวิธีง่าย ๆ จากผู้เชี่ยวชาญที่ได้แนะนำวิธีกันมาให้คุณ ๆ ทั้งหลายได้ห่างไกลจากสิว ยิ่งเป็นวัยรุ่นด้วยแล้วเรื่องของสิวเห็นทีจะเป็นเรื่องธรรมชาติแต่ก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่มิใช่น้อยที่สร้างความกังวลใจให้กับคุณ แต่วันนี้คุณจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปเมื่อได้ฟังเคล็ดลับหน้าใสไร้สิวจากผู้เชี่ยวชาญของเรา หากว่าคุณปฏิบัติตามเคล็ดลับของเราอย่างเคร่งครัดเรื่องสิวที่ว่าใหญ่ก็จะกลายเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปค่ะ ว่าแล้วเราก็มาปฏิบัติตาม เคล็ดลับหน้าใสไร้สิว

1.ล้างหน้าก่อนเข้านอนเสมอ

2.ทาครีมกันแดดทุกวันตลอดปี รังสียูวีสามารถทำลายผิวของคุณให้ดูแห้งกร้านและขาดความเปล่งปลั่ง แม้แต่ในวันที่ไม่มีแสงแดดก็ยังมีรังสียูวีอยู่

3.ให้มืออยู่ห่าง ๆ ใบหน้าเอาไว้ มือของคุณมักมีน้ำมันและความสกปรกที่อาจทำให้ผิวสกปรกและอุดตันรูขุมขนได้ และการคุ้ยแคะแกะเกาสิวก็มีแต่จะทำให้สิวเห่อและอาจเกิดรอยแผลเป็นได้

4.อย่าให้ผลิตภัณฑ์แต่งผมทั้งหลายโดนผิวหน้า มันมีส่วนผสมที่อาจอุดดันรูขุมขนได้

5.ทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าทุกสัปดาห์ แบคทีเรียและน้ำมันที่สะสมอยู่บนแปรงสามารถทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนและเกิดสิวเห่อได้

6.เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อย ๆ ในขณะนอนหลับ แบคทีเรียและน้ำมันจะสะสมอยู่บนปลอกหมอนและอาจถูกผลักกลับไปที่ผิวคุณได้อีก

7.อบไอน้ำใบหน้าสัปดาห์ละครั้ง ด้วยการต้มน้ำ หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปตามต้องการ แล้วใช้ผ้าคลุมศีรษะอังหน้าลงกับน้ำร้อนให้ห่างสัก 6 นิ้วราว 3-5 นาที แล้วตามด้วยน้ำเย็นหรือใช้ก้อนน้ำแข็งถูกให้ทั่วผิวหน้า

8.เครื่องประดับอย่างเพชรและมุกสะท้อนแสงให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใสในยามที่ต้องการความสดใสเป็นพิเศษอย่าลืมเลือกเครื่องประดับดี ๆ สักชิ้นอย่างเช่น ต่างหูมุก

9.เติมสีสันให้เส้นผม เส้นผมที่ทำสีจะดูหนาและเป็นเงางามขึ้นและในขณะเดียวกันก็ทำให้ผิวดูสดใสตามไปด้วย




เคล็ดลับดวงตาสวย 

เคล็ดลับดวงตาสวย


เคล็ดลับที่ 1 บำรุงตาดวงแตงกวา
หาแตงกวาลูกโตๆ 2-3 ลูกมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นบางๆ เป็นแว่นกลมๆ เอาไปแช่ตู่เย็น 15-20 นาที หรือจะเอาแตงกวามาปั่นะ แล้วแช่ให้เย็นเจี๊ยบแล้วใช้สำลีชุบน้ำแตงกวาให้ชุ่มมาปิดตาไว้ นอนนิ่งๆ 15-20 นาที ค่อยเอาออก วิธีนี้ช่วยลดริ้วรอยและเจ้าอาการตาบวมได้ ลองทำกันดูแล้วจะรู้สึกว่าตาของเราใสปิ๊งขึ้น

เคล็ดลับที่ 2 บำรุงตาด้วยน้ำนม
เตรียมนมสดไว้ประมาณครึ่งแก้วแล้วเอาไปแช่เย็นใช้สำลีหรือแผ่นสำลีสำหรับ เสริมสวยชุบนมเย็นแล้ว วางไว้บนเปลือกตาซัก 10 นาที เอาออกพัก 2 นาที แล้วทำซ้ำใหม่ จะช่วยมำให้สบายตา ถ้ายิ่งตากำลังระคายเคืองหรือบวมจากการร้องไห้วิธีนี้แหล่ะช่วยได้แน่นอน

เคล็ดลับที่ 3 บำรุงตาด้วยใบชา
นำถึงชาที่ใช้แล้วมาแช่เย็นแล้วนำมาปิดตา กรดแทนนิคจากใบชาจะช่วยให้เย็นตาและลดความบวมของตาได้ ฝากบอกอีกนิ๊ด..ถ้าตาบวมเพราะการร้องไฟ้ให้ลองนำผ้าเย็นๆ มาโปะตาไว้อาการตาบวมก็จะดีขึ้นได้

เคล็ดลับที่ 4 บำรุงตาด้วยมันฝรั่ง
หามันฝรั่งหัวพอดีๆ มือมาล้างให้สะอาดแล้วจัดการหั่นบางๆ แช่เย็นไว้แล้วเอามาปิดตาไว้ 15-20 นาทีเช้าหน เย็นหน ก็จะช่วยลดริ้วรอยหมองคล้ำรอบดวงตาได้ แค่นี้สาวๆ ก็จะดูใสปิ๊งมากเลย


เคล็ดลับดวงตาสวย


การบำรุงดวงตาด้วยวิธีธรรมชาติถ้าขยันทำเป็นประจำจะได้ผลดีมาก 
1.ปิดตาทั้งสองด้วยฝ่ามือ ไม่ให้แสงเข้าลืมตาขึ้นในความมืดเบื้องหน้า 5 นาที

2.กดเบาๆ ช้าๆ ไปตามเบ้าตา โดยเริ่มจากใต้ดวงตาไปถึงโหนกแก้มแล้วอ้อมขึ้นมาด้านบนมาจนถึงสันจมูก ขอย้ำนะจ๊ะว่าให้ทำเบาๆ ไม่งั้นจากสวยๆ จะกลายเป็นเยินไม้รู้ด้วยนะ หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม เพราะอาหารรสเค็มเนี่ยตัวดีที่ทำให้ดวงตาสวยๆ ของเราบวมขึ้น


"แต่ที่สำคัญที่สุดสำหรับสาวๆ ก็คือ ต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ
 แค่นี้ดวงตาคู่สวยของเราก็กลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้วจ้า"





เคล็ดลับรักษาข้อศอกดำและด้าน

เคล็ดลับรักษาข้อศอกดำและด้าน


ปัญหาข้อศอกดำหรือด้านสามารถพบได้ทุกเพศ ทุกวัน  ซึ่งบางคนเป็นแล้วไม่หาย ไม่รักษา และไม่ดูแล
ส่วนคนที่ชอบดูแลตัวเอง แต่กลับมีปัญหาเรื่องข้อศอกดำนั้นคงจะหนักใจไม่น้อย เนื่องจาก
การที่มีข้อศอกดำนั้นดูจะสะดุดตามากเวลามีคนเดินตามหลังแล้วมองมาบริเวณหลังของคุณ  
สิ่งที่จะโฟกัสสายตาก็คือ สิ่งที่เด่นที่สุด

แอดมินได้เล็งเห็นว่าปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้สามารถขจัดให้หายขาดได้  มีเคล็ดลับดังนี้


1.  สับปะรด  
แค่เรานำเนื้อสัปปะรดไปแช่ตู้เย็นช่อง freeze จากนั้นนำมาหั่นเป็นชินพอดีมือ  จากนั้นก็นำมาขัดข้อศอก หรือจะถูเข่าตามแต่ใจต้องการ  ขัดประมาณ 15 นาที  จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้งตามด้วยโลชั่นที่ใช้ทาประจำวัน

2.  ดินสอพอง
นำดินสอพองมาพอกที่ผิวหนังบริเวณข้อศอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ผิวบริเวณนั้นจะนุ่มนวลขึ้น และก่อนเข้านอนก็ใช้โลชั่นหรือครีมบำรุงผิวทาด้วย

3.  แช่น้ำ
ก่อนอาบน้ำควรผสมน้ำอุ่นกับสบู่ แช่ข้อศอกไว้วันละประมาณ 10 นาที จะแช่ในกะละมังหรืออ่างล้างหน้าก็ได้ 

4.  มะนาว หรือมะขามเปียก
ใช้มะนาว หรือมะขาวเปียก นำมาขัด ข้อศอก หัวเข่า ตาตุ่ม บริเวณที่หยาบกร้าน ขัดๆ ถูๆ และปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด มะนาวหรือมะขามเปียกจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกและทำให้ผิวขาว นุ่มขึ้น  เพื่อความขาวกระจ่างอย่างต่อเนื่อง

5.  น้ำตาลทราย
ใช้น้ำตาลทราย นำมาผสมกับเบบี้ออยล์ ทาที่หัวเข่า ข้อศอก ตาตุ่ม ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้น ใช้ใยบวบที่ใช้ถูหลังเวลาอาบน้ำ ถูเป็นวงกลมเบาๆ น้ำตาลจะช่วย ผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป  ส่วนเบบี้ออยล์ให้ความชุ่มชื่นกับผิว

ข้อแนะนำ :  ทั้งนี้ทั้งนั้นควรหลีกเลี่ยงการเอาข้อศอกไปเท้ากับโต๊ะ เพราะจะยิ่งทำให้ข้อศอกดำ และด้านได้ง่าย


เคล็ดลับรักษาข้อศอกดำและด้าน






เคล็ดลับดูแลสายตา

เคล็ดลับดูแลสายตา


"ดวงตาเป็นหน้าต่างแห่งหัวใจ"

เคล็ดลับ 21 วิธี ดูแลดวงตาให้มีสุขภาพดี ใส มีประกาย  และป้องกันสายตาเสียด้วย มีดังนีั

1. อย่าให้ลมเย็นเข้าตาโดยตรง เพราะลมเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาแห้ง ถ้าปล่อยไว้นานๆ กระจกตาก็อาจจะถลอกจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้

2. บลูเบอรี่  เป็นผลไม้ที่ดีต่อสายตามากๆ หาซื้อได้ไม่ยาก

3. มันเทศ  วิตามินในมันเทศจะช่วยปรับสายตาของคุณให้เห็นได้ชัดในที่มืด

4. หอมแดง สารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิทินในหอมแดงจะช่วยป้องกันอาการต้อหินในดวงตา

5. เดินออกกำลังกาย  ผลการวิจัยบอกว่าเดินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้งจะช่วยลดความดันในกระบอกตา ทำให้สายตาเป็นปกติ

6. ปลา  กินปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดโอเมก้า-3 ที่จำเป็นสำหรับบำรุงสายตา

7. ลดขนมหวานๆ และอาหารมันจัด อาหารพวกนี้เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับสุขภาพ รวมทั้งสายตาของคุณ

8. ใส่แว่นกันแดด  ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมใส่แว่นกันแดดเสมอ เพื่อป้องกันทั้งลม แดด ฝุ่นละออง และเชื้อโรค

เคล็ดลับดูแลสายตา


9. ตรวจวัดความดันโลติตเป็นประจำทุกเดือน ความดันที่ผิดปกติมีผลโดยตรงต่อสายตามาก จึงไม่ควรมองข้ามการวัดความดัน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้รักษาได้ทันท่วงที

10. สวมหมวก เพื่อป้องกันรังสียูวีที่อาจจะเล็ดลอดเข้ามาทางด้านบนของแว่นกันแดด

11. ล้างเครื่องสำอางค์  อย่าละเลยการทำความสะอาดดวงตาด้วยน้ำยาล้างเครื่องสำอางค์ทุกคืน เพื่อป้องกันไม่ให้มาสคาร่าที่อาจจะเหลือตกค้างอยู่เข้าไปหมักหมมอยู่ในดวง ตาจนเกิดการติดเชื้อ

12. กินผักใบเขียวเป็นประจำทุกวัน ผักใบเขียวเป็นแหล่งรวมของสารลูเทอินและซีอาแซนธินที่ช่วยลดความเสี่ยงโรค ต้อกระจกและยิ่งซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในกระบอกตาได้ด้วย (คนที่เกลียดผักคงต้องพยายามหน่อยน่ะ)

13. เลิกทานอาหารที่เค็มจัด เพราะคนที่ติดรสเค็มจะมีโอกาสเป็นโรคต้อกระจกมากกว่าคนที่ชอบอาหารรสจืด

14. หมั่นซักผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวบ่อยๆ เพื่อให้ผ้าส่วนตัวของคุณสะอาด ปราศจากเชื้อโรค ทีสำคัญไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับใคร เพราะในผ้าพวกนั้นอาจจะมีเชื้อโรคตาแดงซ่อนอยู่

15. อย่าเพ่งมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานเกินไป แม้การอ่านหนังสือก็ควรถอนสายตามองออกไปที่ไกลๆทุกๆ 30 นาที เพื่อพักสายตาไม่ให้เพลียหรือล้าถาวร

16. กินผักโขมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผักชนิดนี้มีสารลูเทอิน ซึ่งจะช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะศูนย์กลางประสาท

17.  ควรใช้สายตาที่มีแสงสว่างเพียงพอ  ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดตาได้

18.  หลีกเลียงการใช้มือสกปรกขยี้ตา หรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น

19.   นอนให้เพียงพอ การนอนอย่างเพียงพอในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีนั้น เป็นการพักผ่อนสายตาได้ดี

20.  ถ้าดวงตาเกิดอาการบวมแดง หรือดูอิดโรยไม่สดใส ให้ใช้สำลีชุบน้ำเย็นหรือ ผ้าห่อน้ำแข็งวางบนเปลือกตาทั้งสองข้าง

21.  บริหารดวงตา  โดยการกรอกลูกตาไปมาเป็นวงกลมเริ่มจากตามเข็มนาฬิกาครบหนึ่งรอบ แล้วกรอกทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ กันวันละ 2-3 ครั้ง แล้วนอนหงายหรือนั่งหลับตาสักพัก ซึ่งอาจใช้แตงกวาฝานชิ้นบาง ๆ แปะไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เมื่อลืมตาขึ้นมาจะทำให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวาขึ้น


เคล็ดลับดูแลสายตา